วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

เทคนิคจำศัพท์ภาษาอังกฤษ

เทคนิคจำศัพท์ภาษาอังกฤษ

       ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษากลางที่มีความจำเป็น เนื่องจากมีบทบาทต่อผู้คนในหลากหลายอาชีพ รวมไปถึงน้อง ๆ นักศึกษาที่หลายหลักสูตรต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐาน ส่วนใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการจำคำศัพท์มีเทคนิคช่วยจำมาฝาก

         
 .. จัดศัพท์เป็นหมวดหมู่ เช่น คำที่มีความสัมพันธ์กัน หรือมีความหมายตรงข้ามกัน จะช่วยให้จำศัพท์ได้ง่ายขึ้น อาจจดบันทึกใส่สมุดที่พกพาได้ เพื่อความสะดวกเมื่อต้องหยิบมาท่องในเวลาว่าง

          
.. นำศัพท์มาใช้บ่อย ๆทำให้เกิดความเคยชิน จะจำได้แม่นยำขึ้น จากนั้นลองแต่งประโยคจากคำเหล่านั้น เพื่อฝึกการเรียบเรียงประโยค

          
.. จำศัพท์จากการออกเสียง อาทิ คำที่ออกเสียงคล้าย ๆ กัน นอกจากจะช่วยให้นึกถึงความหมายได้ง่ายแล้ว ยังได้รู้หลักการออกเสียงที่ถูกต้อง

          
.. ท่องศัพท์ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 10 คำ และหมั่นทบทวนบ่อย ๆ ให้คุ้นเคย หากมีโอกาสสนทนากับคนพูดภาษาอังกฤษ ควรลองนำศัพท์ไปใช้ในสถานการณ์จริง

          
.. ฝึกฟัง-อ่านภาษาอังกฤษจากข่าวหรือหนังสือต่าง ๆ แล้วสังเกตหาศัพท์ที่เคยท่อง จะช่วยให้เข้าใจเรื่องราวโดยรวมของเรื่องที่อ่านได้เร็วขึ้น
หลักการจำที่สำคัญอีกประการ คงต้องอยู่ที่ความขยันและความสม่ำเสมอในการท่อง เพื่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ที่ได้ผล.

บทสนทนาภาษาอังกฤษ


บทสนทนาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน



ถามเรื่องครอบครัว

A : How many brothers and sisters do you have?
ฮาว เมนี บราเธอะซ์ แอนด์ ซิสเทอะซ์ ดู ยู แฮฟว
คุณมีพี่น้องกี่คนครับ

B : I have an older sister and two younger brothers.
ไอ แฮฟว แอน โอลเดอะ ซิสเทอะ แอนด์ ทู ยังเกอะ บราเธอะซ์

A : Do you live with your parents?
ดู ยู ลีฟว วิธ ยัวร์ พาเรนท์ซ
คุณอาศัยอยู่กับพ่อแม่หรือเปล่าครับ

B : Yes, I do. What about you? How many people are there in your family?
เยส, ไอ ดู. วอท อะเบาท์ ยู? ฮาว เมนี พีเพิล อาร์ แดร์ อิน ยัวร์ แฟมิลี?
ใช่ค่ะ แล้วครอบครัวคุณมีกี่คนคะ

A : There are six people in my family; my dad, my mom, my older brother, my younger sister, my twin and I.
แดร์ อาร์ ซิกซ์ พีเพิล อิน มาย แฟมิลี; มาย แดด, มาย มัม, มาย โอลเดอะ บราเธอะ, มาย ยังเกอะ ซิสเทอะ, มาย ทวิน แอนด์ ไอ
ครอบครัวผมมี 6 คนครับ มีคุณพ่อ คุณแม่ น้องชาย น้องสาว คู่แฝดของผม แล้วก็ผมครับ

B: How are your family members?
ฮาว อา ยัวร์ แฟมมิลี เมมเบอะซ์
สมาชิกในครอบครัวคุณสบายดีไหมคะ

A : My parents have got a cold, but the others are fine.
มาย พาเรนท์ซ แฮฟว กอท อะ โคลด์, บัท ดิ อาเธอะซ์ อา ไฟน์
คุณพ่อคุณแม่ของผมเป็นหวัด แต่คนอื่นๆ สบายดีครับ

B : Hope your parents get well soon.
โฮพ ยัวร์ พาเรนท์ซ เกท เวล ซูน
ขอให้คุณพ่อคุณแม่ของคุณดีขึ้นภายในเร็ววันนะคะ

A : Thank you
แธงคิว
ขอบคุณครับ

ถามเส้นทางที่ต้องการจะไป

- Excuse me. Could you tell me . How to get to the post office , please ?
( เอ็กคิวซ มี คุด ยู เทล มี ฮาว ทู เกท ทู เธอะโพส อ๊อฟฟิซ พลีส )
ขอโทษค่ะ กรุณาบอกฉันหน่อยได้ไหม ไปที่ทำการไปรษณีย์อย่างไร
หรือประโยคดังต่อไปนี้

- Excuse me . Could you tell me . The way to post office , please ?
( เอ็กคิวซ มี คุด ยู เทล มี เดอะ เวย์ ทู โพส อ๊อฟ ฟิช พลีส )
ขอโทษค่ะ กรุณาบอกทางไปที่ทำการไปรษณีย์ฉันหน่อยได้ไหม

- Excuse me. Could you give me direction to post office , please ?
( เอ็กคิวซ มี คุด ยู กีฟ มี ไดร เรค ชัน ทู โพส อ๊อฟฟิช พลีส )
ขอโทษค่ะ ช่วยกรุณาบอกฉันหน่อยทางไปที่ทำการไปรษณีย์ไปทางไหน

- Excuse me. Could you tell me . Where post office, please ?

( เอ็กคิวซ มี คุด ยู เทล มี แวร์ โพส อ๊อฟฟิช พลีส )
ขอโทษ กรุณาบอกฉันหน่อยที่ทำการไปรษณีย์ไปทางไหน

ในกรณีผู้ถามเพื่อความมั่นใจว่ากำลังเดินไปตามทิศทางที่ถูกต้องก็จะใช้ประโยคต่อไปนี้
- Is this the way to the post office ?

( อิส ดิส เธอะ เวย์ ทู เธอะ โพส อ๊อฟฟิช )
ทางนี้ไปที่ทำการไปรษณีย์ใช่ไหม ?

คำเชิญชวน เสนอแนะ



 - How about going to the park ?
( ฮาว อะเบ้า โกอิ้ง ทู เดอะ พาค )
ไปสวนสาธารณะกันดีไหม)

- What about playing tennis ?
( วอท อะเบ้า เพลย์อิ่ง เทนนิส )
เล่นเทนนิสกันดีไหม

- Why don’t we go out ?

( วาย โด้นท วี โก เอ้า )
ทำไมเราไม่ออกไปข้างนอกกันล่ะ

- Shall we walk ?
( แชล วี ว้อค )
เดินกันดีไหม

- Why not come to dinner with me ?
( วาย น๊อต คัม ทู ดินเนอร์ วิท มี )
คุณมารับประทานอาหารเย็นกับผมนะครับ

- Let’s get out of here ?
( เลทส์ เกท เอ้า เอิฟ เฮียร์ )
ออกไปจากที่นี่กันเถอะ

- Let’s go into the garden ?
( เลทส์ โก อินทู เธอะ การ์เด็น )
เข้าไปในสวนกันเถอะ






คำสันธาน



คำสันธาน (CONJUNCTIONS)


    คำสันธานคือคำหรือกลุ่มคำที่ใช้เชื่อมคำหรือกลุ่มคำชนิดเดียวกัน เช่น เชื่อมคำนามกับคำนาม คำกริยากับคำกริยา วลีกับวลี อนุประโยคกับประโยค และเชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน เพื่อแสดงความคล้อยตาม ความขัดแย้งเหตุผล ฯลฯ เราแบ่งคำสันธานออกเป็น ชนิดหลัก ได้แก่


สันธาน
ตัวอย่าง
การใช้
co-ordinating
and, but, or, so, still,
however, therefore, while
ใช้เชื่อมคำหรือข้อความที่มีน้ำหนักเท่ากัน
subordinating
after, because, if, in case,
as, as if, provided that, since
ใช้เชื่อมอนุประโยคกับประโยคเพื่อแสดง เงื่อนไข สถานที่ เวลา ความขัดแย้ง เหตุผล ฯลฯ
correlating
either ... or, neither ... nor,
not only ... but also, whether ... or
ใช้เชื่อมเพื่อเพิ่มหรือเลือกความหมายและ
จะใช้เฉพาะคู่ของแต่ละคู่



ตัวอย่างเช่น
David and John are good friends. (เชื่อมคำนามกับคำนาม)
Either he or she will go with you. (เชื่อมคำสรรพนามกับคำสรรพนาม)
Chris is not only tired but also moody. (เชื่อมคำคุณศัพท์กับคำคุณศัพท์)
We learn not from memorizing but from doing. (เชื่อมวลีกับวลี)
Mike told me that he had passed the test. (เชื่อมอนุประโยคกับประโยค)
He went to Keith's house but Keith wasn't at home. (เชื่อมประโยคกับประโยค)

คำนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ


คำนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ  (Possessive Nouns)

    ให้ใช้   's  หลังคำนามนั้น เรียกว่า "apostrophe s" (อะโพสโตรฟี่ เอส)

    ถ้าเราจะพูดว่า รถจักรยานของเด็กผู้ชายเราจะเติม  's  หลังคำนามเด็กผู้ชาย เช่น

                                

The boy's bicycle  =  จักรยานของเด็กผู้ชาย


       
แต่ถ้าคำนามเป็นพหูพจน์ คือ มีเด็กผู้ชายมากกว่าหนึ่งคน เมื่อใดก็ตามที่คำนามลงท้ายด้วย (S) อยู่แล้วเราก็เติมเฉพาะ  ' (อะโฟสโตรฟี่ ) อย่างเดียวไม่ต้องมีตัว S อีก  เช่น

The boys' bicycles = จักรยานหลายคันนั้นเป็นของเด็กผู้ชายหลายคน


    กฏข้อสำคัญ คือ จะใช้  'S  กับคำนามที่เป็นสิ่งมีชีวิต คือ คนกับสัตว์เท่านั้นไม่นิยมใช้กับสิ่งของ ถ้าจะ

พูดถึงประตูของบ้าน เราจะไม่ใช้ว่า

The house's door = Wrong

The door of the house = True = ประตูของบ้าน



คำนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ  (Possessive Nouns)

    ให้ใช้   's  หลังคำนามนั้น เรียกว่า "apostrophe s" (อะโพสโตรฟี่ เอส)

    ถ้าเราจะพูดว่า รถจักรยานของเด็กผู้ชายเราจะเติม  's  หลังคำนามเด็กผู้ชาย เช่น

                                

The boy's bicycle  =  จักรยานของเด็กผู้ชาย


       
แต่ถ้าคำนามเป็นพหูพจน์ คือ มีเด็กผู้ชายมากกว่าหนึ่งคน เมื่อใดก็ตามที่คำนามลงท้ายด้วย (S) อยู่แล้วเราก็เติมเฉพาะ  ' (อะโฟสโตรฟี่ ) อย่างเดียวไม่ต้องมีตัว S อีก  เช่น

The boys' bicycles = จักรยานหลายคันนั้นเป็นของเด็กผู้ชายหลายคน


    กฏข้อสำคัญ คือ จะใช้  'S  กับคำนามที่เป็นสิ่งมีชีวิต คือ คนกับสัตว์เท่านั้นไม่นิยมใช้กับสิ่งของ ถ้าจะ

พูดถึงประตูของบ้าน เราจะไม่ใช้ว่า

The house's door = Wrong

The door of the house = True = ประตูของบ้าน

Possessive pronouns


คำสรรพนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ  (Possessive pronouns)

     เป็นคำที่ใช้แทนคำนามด้วยและก็ใช้แสดงความเป็นเจ้าของด้วย เช่น เมื่อเราจะพูดถึงการ

แสดงความเป็นเจ้าของกับคำนามที่เราพูดไปแล้วครั้งหนึ่ง การใช้สรรพนามแสดงความเป็น

เจ้าของนี้ ผู้ฟังหรือผู้อ่านต้องรู้กับเราด้วยว่ามันหมายถึงอะไร เช่น



I don't like that dog. Is that yours?

ฉันไม่ชอบสุนัขตัวนั้นเลย มันเป็นของเธอใช่มั๊ย


คำสรรพนามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ  มีดังต่อไปนี้

  • mine             =   ของฉัน
  • yours            =   ของคุณ
  • his                =   ของเขา
  • hers             =   ของหล่อน
  • ours             =   ของพวกเราทั้งหลาย
  • theirs           =    ของพวกเขาทั้งหลาย

คำ Adjective


    
       Adjectives หรือ คำคุณศัพท์ หมายถึง คำที่ไปทำหน้าที่ขยายนามหรือสรรพนาม (ขยายสรรพนามต้องอยู่หลังตลอดไป) เพื่อบอกให้รู้ลักษณะคุณภาพ หรือคุณสมบัติของนามหรือสรรพนามนั้นว่า เป็นอย่างไร? ได้แก่คำว่า         
        
        good ดี       
        bad เลว       
        tall สูง       
        dirty สกปรก       
        wise ฉลาด       
        red แดง       
        fat อ้วน       
  
        thin ผอม       
        this นี้       
  
        those เหล่านั้น       
        short สั้น       
        white ขาว       


ชนิดของ Adjective     
     
Adjective ในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 11 ชนิด คือ       
  
            1. Descriptive Adjective               คุณศัพท์บอกลักษณะ         
          2. Proper Adjective                    คุณศัพท์บอกสัญชาติ         
          3. Quantitative Adjective            คุณศัพท์บอกปริมาณ         
          4. Numbearl Adjective                คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน         
          5. Demonstrative Adjective         คุณศัพท์ชี้เฉพาะ         
          6. Interrogative Adjective           คุณศัพท์บอกคำถาม         
          7. Possessive Adjective              คุณศัพท์บอกเจ้าของ         
          8. Distributive Adjective            คุณศัพท์แบ่งแยก         
          9. Emphaszing Adjective           คุณศัพท์เน้นความ         
          10. Exclamatory Adjective          คุณศัพท์บอกอุทาน         
          11. Relative Adjective                 คุณศัพท์สัมพันธ์



ตัวอย่างการใช้คำคุณศัพท์ในประโยคมี 2 วิธี คือ 


1. วางไว้หน้าคำนามที่ต้องการขยาย เช่น 

That small house is on the hill. 

บ้านหลังเล็กหลังนั้นตั้งอยู่บนเนินเขา 


A rich man live in a big house. 
ชายผู้ร่ำรวยอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ 

2. วางไว้หลังกริยา to be เช่น 


That girl is sad.
เด็กผู้หญิงคนนั้นเสียใจ 



She is alone.
 หล่อนอยู่คนเดียว 










คุณศัพท์เปรียบเทียบ


คำคุณศัพท์เปรียบเทียบมีอยู่ 3 ขั้นคือ

  • ขั้นปกติ
  • ขั้นกว่า
  • ขั้นที่สุด

ขั้นปกติคือ การใช้คำคุณศัพท์บรรยายสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่เปรียบเทียบกับใครที่ไหน เช่น
A cat is big. แมวตัวหนึ่ง ใหญ่
A man is tall. ชายคนหนึ่ง ตัวสูง
This car is expensive. รถยนต์คันนี้ ราคาแพง
The water in this pot is hot. น้ำในหม้อใบนี้ ร้อน

คุณศัพท์ขั้นกว่า (Comparative) คืออะไร
ขั้นกว่าคือ การเปรียบเทียบสิ่งสองสิ่ง ว่าสิ่งไหน สูง ต่ำ สั้น ยาว เล็ก ใหญ่…..กว่ากัน เช่น
A cat is bigger than a mouse. แมว ใหญ่กว่า หนู
A man is taller than a woman. ผู้ชาย สูงกว่า ผู้หญิง
This car is more expensive than that car.  รถยนต์คันนี้ แพงกว่า คันนั้น
The water in this pot is hotter than water in that pot.  น้ำในหม้อใบนี้ ร้อนกว่า น้ำในหม้อใบนั้น
สังเกตได้ว่า คำว่า กว่า ในภาษาอังกฤษคือการเติม -er than หรือบางที ใช้ more – than เอ๊ะยังไงกัน เดี๋ยวอธิบายให้ฟังด้านล่างนะครับ

คำคุณศัพท์ขั้นที่สุด (Superlative) คืออะไร
ขั้นที่สุด หรือสูงสุด คือ การเปรียบเทียบตั้งแต่สามขึ้นไป แล้วปรากฏว่า มีสิ่งหนึ่งที่ สูง ต่ำ สั้น ยาว เล็ก ใหญ่….กว่าเพื่อนเลย เช่น
A cat is the biggest animal in this room. แมวเป็นสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในห้องนี้ (ออกจากห้องนี้แล้วคงไม่ใช่)
Somchai is the tallest man in class. สมชายตัวสูงที่สุดให้ห้อง (เฉพาะห้องนี้นะครับ)
This is the most expensive car in Thailand.  นี่คือรถยนต์ ที่แพงที่สุดในไทย
สังเกตได้ว่า คำว่า ที่สุด เป็นการเติม -est หรือ the most –